ชื่อผู้ใช้ :
รหัสผ่าน :
ลืมรหัสผ่าน   |   สมัครสมาชิก

นักแข่ง ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ผลงานดีสุดของนักแข่งไทย รุ่น Supersports 600 cc.

3 กันยายน 2558

 มร.เท็ตสึยะ อินะมูระ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงร่วมให้กำลังใจนักแข่งยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ถึงกริดสตาร์ท ก่อนที่ อนุชา นาคเจริญศรี (14) และ อนุภาพ ซามูล (30)  จะโชว์ความยอดเยี่ยมด้วยการทำผลงานจบการแข่งขันในอันดับที่ 9 และ 12  ตามลำดับ ในการแข่งขันรายการ    AsiaRoad Racing Championship2015   สนามที่  4 รุ่นSupersports 600 cc.  เรซที่ 2  ซึ่งถือเป็นอันดับที่ดีที่สุดของนักแข่งไทยในการลงแข่งขันที่สนามโฮมเรซ ณสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิตจ.บุรีรัมย์เมื่อเร็วๆ นี้

 

รายละเอียดเพิ่มเติม

 
           ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม สู้ศึกชิงแชมป์เอเซีย ARRC 1015 สนามสนามโฮมเรซ!! ขุนพลดาวรุ่งยามาฮ่าสู้เกินร้อย...แม้จะเป็นรองเรื่องประสบการณ์
 
           ยามาฮ่าไทยแลนด์เรซซิ่งทีม ลงทำศึกการแข่งขันความเร็วชิงแชมป์เอเชีย
รายการ Asia Road Racing Championship 2015 สนามที่ 4 ซึ่งทำการแข่งขันกัน ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ที่ถือว่าเป็นโฮมเรซของนักแข่งไทย โดยการแข่งขันสนามนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-30 สิงหาคม 2558 
 
          สำหรับการแข่งขันในสนามโฮมเรซครั้งนี้  ยามาฮ่า  ไทยแลนด์  เรซซิ่ง ทีม ส่งนักแข่งลงทำการชิงชัยด้วยกัน 2 รุ่น คือ รุ่น Supersports 600 cc.  ที่มี อนุภาพ ซามูล  (30)  และ  อนุชา นาคเจริญศรี  (14)  ได้รับสิทธิ์ไวลด์การ์ดลงทำการแข่งขัน และ รุ่น  Asia Production 250 cc.  ซึ่งเป็นรุ่นที่นักแข่ง ยามาฮ่า ไทยลงแข่งขันเต็มฤดูกาลโดยมี พีรพงศ์ บุญเลิศ (45) และ พีระพงษ์ หลุยบุญเป็ง (14) เป็นตัวหลัก และเสริมทัพด้วย รัฐพงษ์ บุญเลิศ (44) ที่ได้รับสิทธิ์ไวด์การ์ดเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์เกมการแข่งขันระดับนานาชาติ
 
         ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม  เปิดเกมในบ้านด้วยการแข่งขันใน  รุ่น  Asia Production250 cc. โดยรถแข่งทั้ง 3 คันของทีมถือได้ว่ามีความสมบูรณ์เรื่องของการเซ็ตอัพรถแข่งเป็นอย่างมาก  ตัวนักแข่งทั้ง  พีรพงศ์ บุญเลิศ (45) และ พีระพงษ์ หลุยบุญเป็ง (14) และ  รัฐพงษ์ บุญเลิศ (44) ต่างก็มีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม มีความมุ่งมั่นที่จะทำผลงานบ้านต่อหน้ากองเชียร์คนไทยให้ได้ดีที่สุด   โดยในช่วงของการซ้อมทั้ง 3 ครั้งนั้น พีระพงษ์ หลุยบุญเป็ง (14) เป็นนักแข่งที่ทำเวลาดีของทีมคือ 1'59.776 นาที ตามด้วย พีรพงศ์ บุญเลิศ (45) 2'00.060 นาที และ รัฐพงษ์ บุญเลิศ (44) 2'00.635 นาที ซึ่งเป็นเวลาที่ใกล้เคียงกับกลุ่มผู้นำเลยทีเดียว
 
         สำหรับในรอบควอลิฟายหาตำแหน่งสตาร์ทของรุ่น  Asia  Production 250 cc. นั้น 3 นักแข่ง  ยามาฮ่า ไทยแลนด์  เรซซิ่งทีม ก็สามารถกดเวลาลงมาได้ดีกว่ารอบของการซ้อม  แต่คู่แข่งคนอื่นๆ ที่มากประสบการณ์ และแข่งขันมาอย่างต่อเนื่องก็สามารถทำเวลาได้ดีขึ้นกว่าตอนซ้อมด้วยเช่นกัน ทำให้ตำแหน่งกริดสตาร์ทของ 3 นักแข่งยามาฮ่าไทยอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ค่อยน่าพอใจนัก  โดย รัฐพงษ์ บุญเลิศ  (44)  ซึ่งกดเวลาลงมาอยู่ที่  1'59.141 นาที  ได้ออสตาร์ท  ในกริดที่ 7, พีระพงษ์ หลุยบุญเป็ง (14) เวลาอยู่ที่  1'59.212 นาที  ออกสตาร์ทในกริดที่  8  และ  พีรพงศ์ บุญเลิศ (45) ทำเวลาอยู่ที่  2'00.533 นาที  ออกสตาร์ทอันดับที่ 18 ทำให้ต้องลุ้นกันเหนื่อยในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ
 
        ในการแข่งขันรุ่น Asia Production 250 cc. เรซที่ 1 นั้น ทันทีที่สัญญาณไฟแดงสตาร์ทดับลง  ฝูงรถแข่งในรุ่นนี้ก็พุ่งทะยานออกตัวกันไปอย่างรวดเร็ว  ซึ่งนักแข่งยามาฮ่า   ไทยแลนด์   เรซซิ่งทีม    ที่แม้จะอยู่ในตำแหน่งสตาร์ทที่ไม่ได้เปรียบนักแต่ก็ยัง สามารถเกาะติดกลุ่มหน้ากลุ่มใหญ่ได้อย่างเหนียวแน่นในช่วงต้น ของ เกมการแข่งขัน   ก่อนที่คู่แข่งในกลุ่มหน้าจะเริ่มทิ้งระยะห่างออกไป   ทำให้  รัฐพงษ์  บุญเลิศ (44) และ  พีรพงศ์ บุญเลิศ (45)  ที่พัวพันอยู่ในกลุ่มที่  2 ต้องขับเคี่ยวกับ  นักแข่งอีกหลายคันอย่างหนัก ส่วน  พีระพงษ์ หลุยบุญเป็ง  (14) นั้นตามอยู่ด้านท้ายกลุ่มนี้ และเข้าสู่ช่วงท้ายเกมแข่งขัน  รัฐพงษ์ บุญเลิศ (44)  ก็สามารถที่จะขยับขึ้นมาสู้กับผู้นำในกลุ่มที่ 2 ได้อย่างสนุก  ทำให้กองเชียร์ชาวไทยได้ลุ้นเป็นอย่างมาก  และ พีรพงศ์ บุญเลิศ (45) เองก็ต้องเจอกับการขับเคี่ยวที่สาหัสจากคู่แข่งไม่แพ้กัน ส่วน พีระพงษ์ หลุยบุญเป็ง (14) ประสบอุบัติเหตุลล้มลงในรอบสุดท้ายทำให้ออกจากการแข่งขันไปอย่างน่าเสียดาย และ เมื่อการแข่งขันครบทั้ง  10 รอบสนาม  ผลปรากฎว่า รัฐพงษ์ บุญเลิศ (44)  สามารถผ่านธงตราหมากรุกเข้าเส้นชัยได้ในอันดับที่   7  และ  พีรพงศ์ บุญเลิศ (45)  ก็สามารถแทรกตัวขึ้นมาจากกลุ่มหลังจนเฉือนเข้าเส้นชัยได้ในอันดับที่  11  ไปอย่างสนุกเลยทีเดียว
 
       ส่วนการชิงชัยในเรซที่  2  ของรุ่น   Asia  Production  250 cc. นั้น ทีมแข่งยามาฮ่า  ไทยแลนด์  เรซซิ่งทีม  ก็ได้มีการปรับเซ็ตอัพรถแข่งเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะนักแข่งทั้ง  3  คนรู้สึกพอใจ และ มั่นใจกับรถแข่งดีอยู่แล้ว และ  เมื่อการแข่งขันในเรซที่ 2  เริ่มขึ้นรถแข่งในรุ่นนี้กว่า 30 คัน  ก็ทะยานออกตัวไปอย่างรวดเร็ว  โดยทั้ง รัฐพงษ์ บุญเลิศ   (44), พีระพงษ์    หลุยบุญเป็ง   (14)  และ   พีรพงศ์ บุญเลิศ  (45) ก็สามารถออกตัวจากกริดสตาร์ทได้ดีทำให้สามารถเกาะกลุ่มกับคู่แข่งไปได้ แม้ว่ากลุ่มนำนั้นจะฉีกระยะห่างออกไปได้ แต่ในกลุ่มตามนั้นก็ยังมีคู่แข่งขับเคี่ยวกันอยู่กว่า10คัน
ซึ่ง 3 นักแข่ง  ยามาฮ่า  ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ก็พยายามอย่างเต็มกำลังในการแย่งชิงอันดับกับนักแข่งต่างชาติที่มีประสบการณ์โชกโชน โดยในกลุ่มนี้มีการสลับตำแหน่งกันอยู่ทุกรอบการแข่งขัน ซึ่งนักแข่งยามาฮ่าไทยก็สามารถทนแรงกดดัน และใจสู้ไล่บู๊ไล่แซงคู่แข่งอย่างสนุก  ทำให้กองเชียร์ ยามาฮ่า ได้ส่งเสียงเชียร์กันอย่างตื่นเต้น ในช่วงท้ายเกมการชิงชัยก็ยิ่งเร้าใจมากยิ่งขึ้น นักแข่ง   แต่ละคนต่างก็กดคันเร่งกันเต็มที่เพื่อชิงอันดับที่ดีที่สุดของตัวเอง  และ เมื่อจบการแข่งขันทั้ง  10 รอบ ผลปรากฎว่า 3 นักแข่งไทย  ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม  ก็สามารถทำผลงานได้อย่างน่าพอใจ โดย  พีรพงศ์ บุญเลิศ (45)  สามารถเฉือนคู่แข่งเข้าเส้นชัยได้ในอันดับที่ 4  ได้สำเร็จ ส่วน  รัฐพงษ์ บุญเลิศ (44) เองก็สู้เต็มที่จนเข้าเส้นชัยได้ในอันดับที่ 6  และ พีระพงษ์ หลุยบุญเป็ง (14) ก็สามารถเก็บเต็มได้ในอันดับที่ 11 ได้สำเร็จ เรียกเสียงปรบมือจากกองเชียร์ชาวไทยที่ เข้ามาชมการแข่งขันในสนามนี้ได้เป็นอย่างมาก
 
        ขยับความมันส์ความเร้าใจขึ้นมาที่รุ่น   Supersports   600   cc.   ยามาฮ่า
ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม
  มี อนุภาพ ซามูล (30) และ  อนุชา นาคเจริญศรี (14)  ที่ได้รับสิทธิ์ไวลด์การ์ดลงทำการแข่งขันในสนามนี้เป็นขุนศึก   โดยในช่วงของการซ้อมทั้ง 3 ครั้งนั้น อนุชา นาคเจริญศรี (14)  กดเวลาดีที่สุดอยู่ที่ 1'41.207 นาที ส่วน อนุภาพ ซามูล (30) ทำเวลาอยู่ที่ 1'41.585 นาที แต่มีเข้าสู่รอบการควอลิฟายปรากฎว่า 2 นักแข่ง ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม   ต่างก็ทำเวลาดีขึ้นมากแต่ก็ยังได้ออกสตาร์ทในแถวที่ 3 โดย  อนุชา นาคเจริญศรี   (14)  ทำเวลาในรอบนี้ดีที่สุดอยู่ที่   1'40.745 นาที ได้ออกสตาร์ท ในอันดับที่ 7  ส่วน อนุภาพ ซามูล  (30) ทำเวลาอยู่ที่ 1'40.760 นาที ออกสตาร์ทกริดที่ 8
 
        สำหรับการชิงชัยรุ่น Supersports 600 cc. เรซที่  1  นั้น  เมื่อเริ่มการแข่งขันแม้ว่านักแข่ง ยามาฮ่า ไทยแลนด์  เรซซิ่งทีม อย่าง อนุชา  นาคเจริญศรี (14) และ อนุภาพ  ซามูล (30)  จะอยู่ในตำแหน่งสตาร์ทแถวหลังแต่ก็ออกตัวได้ดีทำให้ได้เบียดลุ้นกับคู่แข่งได้อย่างสนุก แม้ว่าจะเป็นลองในเรื่องของรถแข่ง และประสบการณ์ในเกมระดับนี้ แต่ทั้งคู่ก็ต่างพยายามขับเคี่ยวกับนักแข่งอีกกว่า 20 คัน แบบเต็มกำลัง เพื่อทำผลงานให้ดีที่สุดต่อหน้ากองเชียร์ชาวไทย โดย  อนุภาพ ซามูล (30) นั้นมีโอกาสที่จะขยับขึ้นมาติด 1 ใน 5 ได้ แต่ขาดจังหวะที่ดีในช่วงการแย่งชิงตำแหน่งกับนักแข่งญี่ปุ่น และอินโดนีเซีย ทำให้เมื่อการแข่งขันครบทั้ง 16 รอบสนาม ผลปรากฎว่า อนุภาพ ซามูล (30) เข้าเส้นชัยจบการแข่งขัน   ในอันดับที่ 6 ส่วน อนุชา นาคเจริญศรี (14) นั้น ต้องเสียเวลาไปพอสมควรกับอุบัติเหตุในสนามถึง   2  ครั้ง  ทำให้ถูกกลุ่มทิ้งระยะห่างออกไปถึง 2 วิ. ยากที่จะไล่จี้เข้ามาทัน ทำให้จบการแข่งขันในอันดับที่ 10 ไปแบบน่าเสียดาย
 
        ส่วนการแข่งขันในเรซที่ 2 ของรุ่น Supersports 600 cc. นั้น ต้องบอกว่า 2 นักแข่งทีม ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม มีการเตรียมตัวมาเป็นอย่างดีเพราะทันทีที่สัญญาณไฟแดงสตาร์ทดับลงทั้ง อนุชา นาคเจริญศรี (14)และ อนุภาพ ซามูล (30) ก็ทะยานขึ้นมาเกาะกลุ่มหน้าได้อย่างรวดเร็ว โดยในช่วงต้นเกมนั้น อนุชา นาคเจริญศรี (14) สามารถเกาะอยู่ในอันดับ 3 และ อนุภาพ ซามูล (30) ตามมาในอันดับที่ 7 ก่อนที่จะถูกคู่แข่งไล่บี้ และขยับขึ้นแซงไปได้หลายคันในช่วงกลางของเกมการแข่งขัน แต่นักแข่ง ยามาฮ่า ไทยทั้งคู่ก็ยังคงไม่ลดละความพยายามในการแย่งชิงอันดับที่ดีที่สุด เรียกว่ากระชากคันเร่งไล่บี้คู่แข่งแบบสุดใจกันเลยทีเดียว  จนกระทั้งการแข่งขันครบทั้ง 16 รอบสนาม ผลปรากฎว่า 2 นักแข่งทีม  ยามาฮ่า ไทยแลนด์   เรซซิ่งทีม  ทำผลงานดีที่สุดในบรรดากลุ่มนักแข่งไทยด้วยกัน โดย  อนุชา  นาคเจริญศรี (14)  สามารถเบียดแย่งนักแข่งญี่ปุ่นเข้าเส้นชัยได้ในอันดับ  9  และ  อนุภาพ ซามูล (30) ก็เฉือนนักแข่งออสเตรเลียเข้าเส้นชัย   ได้ในอันดับที่ 12 ซึ่งถือเป็นการเก็บแต้มและเก็บเกี่ยวประสบการณ์การแข่งขันชิงแชมป์เอเชียของทั้งคู่ได้เป็นอย่างดี

       หลังจบการแข่งขัน   คุณธีระพงษ์    โอภาสกรกุล   ผู้บริหารทีม  ได้กล่าวถึงการแข่งขันในสนามนี้ว่า "ก็เป็นไปได้ด้วยดีครับ แม้ว่าตำแหน่งอาจจะพลาดไปจากที่คิดไว้บ้างแต่ต้องยอมรัว่าคู่แข่งที่อยู่ข้างหน้าเราเขาเก๋าเกมทุกคนโดยเราทำสำเร็จในรุ่น250
ก็ถือว่าเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ ซึ่งนักแข่งทุกคนก็มีกำลังใจ และใจสู้มาก  ส่วนรุ่น 600 นั้นเราก็ดีแล้ว  แต่คู่แข่งเราดีกว่า  และแข็งแกร่งกว่าเรามาก  สำหรับเกมที่เหลืออีก  2 สนามนั้น เรามั่นใจว่าจะได้ขึ้นโพเดี้ยมอย่างแน่นอนครับ"

        อนุชา นาคเจริญศรี ก็กล่าวถึงการแข่งขันหลังจากจบบเรซ 2 ว่า " รถแข่งเขาไม่ได้เร็วกว่าเรามาก เพียงแต่ว่าความเก๋า และ ประสบการณ์ของเขาเยอะกว่าของเรามาก รถแข่งผมมีปัญหาการเซ็ตโช้คที่แข็งไปนิด เพราะเราคิด และคาดการณ์ว่าจะใช้งานได้ดีแต่ผิดไปนิดผมยอมรับว่าความเก๋าของพวกเขาสามารถที่จะข่มเราได้ แต่ผมก็ไม่กลัว และ กล้าที่จะแลกกับเขาตลอดแต่ต้องยอมรับว่าจังหวะเขาดีกว่าจริงๆซึ่งสนามสุดท้าย
ที่สนามช้าง   ผมจะต้องทำการบ้านอย่างหนัก  เก็บข้อมูลให้มากและต้องทำให้ดีกว่านี้ครับ..."
               
         ทางด้าน อนุภาพ ซามูล ก็ได้กล่าวถึงผลงานในสนามนี้ว่า "รถก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องเครื่องยนต์ เพียงแต่ว่ารถผมคงจะวอร์มยางนานไปหน่อย เลยทำให้ยางนิ่มเกินไป ผมยังขี่ได้ดีเหมือนเดิมครั เพียงแต่ว่าคู่แข่งเขาก็มีความฮึกเหิมและมุ่งมั่นที่จะเอาชนะเราที่อยู่ในฐานะเจ้าบ้านให้ได้ สำหรับสนามสุดท้ายผมต้องให้นักแข่งรุ่นพี่มาเทรนให้อย่างหนัก เพื่อหวังจะทำอันดับให้ติด 1 ใน 5 ให้ได้ครับ"

         สำหรับ พีรพงษ์ บุญเลิศ ได้กล่าวว่า " ผมสู้ยิบตาเลยครับ  เพราะรถผมสมบูรณ์ และดีกว่าเมื่อวานมาก  ขอบคุณทีมงานทุกคน  ผู้บริหารทุกท่าน  ที่ให้กำลังใจผมก่อนแข่ง ซึ่งผมเกือบจะท้อแล้วเนื่องจากอาการบาดเจ็บ แต่เมื่อผมได้   รับกำลังใจจากทีมทำให้ผมสู้เต็มที่ ตอนแข่งลืมเจ็บและดีใจมากที่ผม และพี่ชายทำผลงานได้ดีให้กับทีมได้ เหลืออีก 2 สนามผมจะตั้งใจ และทำการบ้านให้หนัก และจะต้องขึ้นโพเดี้ยมให้ได้ครับ"

          พีระพงศ์ หลุยบุญเป็ง ก็กล่าวถึงการแข่งขันครั้งนี้ว่า " ทำดีที่สุดแล้วครับ  ผมมีปัญหาทางด้านรถแข่งนิดหน่อยจากที่ผมคาดการณ์ผิดไปจากการทดสเตอร์   จนทำให้รถช้าไปกว่าเดิม ผมต้องขอโทษทีมงาน และกองเชียร์ยามาฮ่าที่ทำผลงานได้ไม่ดีเท่าที่ควรจากทีมยามาฮ่าหวังผลไว้ และ อีก 2  สนามที่เหลือผมจะตั้งใจให้มาก และ ต้องทำผลงานให้ดียิ่งขึ้น"

          ปิดท้ายด้วย รัฐพงษ์ บุญเลิศ  ที่มีโอกาสเข้าร่วมการแข่งขันในฐานะนักแข่งไวลด์การ์ดที่กล่าวว่า "  การแข่งขันสนุกมากครับ    แม้ว่าช่วงแรกผมจะทำได้ไม่ดีในช่วงออกสตาร์ท กว่าจะไล่ขึ้นมาได้ก็เกือบจะสายเกินไป แต่ผมก็ทำได้ถือว่าดีที่สุดตามเป้าหมายครับ เพราะเรซ 2 นี้ผมตั้งใจมากเพราะได้กำลังใจที่ดีจากทีมงาน และผู้บริหาร ที่ให้กำลังใจมากจนรู้สึกอบอุ่น และ มีแรงฮึดว่าจะต้องทำให้ได้  และ ถือว่าประสบความสำเร็จครับ สัญญาครับว่าสนามต่อจากนี้หรือสนามสุดท้ายถ้าได้มีโอกาสจากทีม
ยามาฮ่าอีก ผมจะต้องขึ้นโพเดี้ยมให้ได้ครับ"

          จากผลงานของนักแข่ง ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ทั้งในรุ่นSupersports    600 cc.   และ   รุ่น   Asia   Production 250 cc.  ที่ลงทำศึกAsia Road Racing Championship 2015 สนามที่ 4 ในฐานะเจ้าบ้านครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นการเตรียมความพร้อมในการกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ในรายการนี้ หลังจากที่เคยครองความเป็นเจ้าความเร็วระดับเอเซียมาแล้วถึง4สมัยด้วยกันโดยในปีนี้
ยามาฮ่า ไทยแลนด์  เรซซิ่งทีม ส่งนักแข่งดาวรุ่งรุ่นใหม่เข้าร่วมการแข่งขันเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้แข็งแกร่ง ก่อนที่จะลงสู้ศึกแบบเต็มตัวเต็มพิกัดในฤดูกาลหน้าอีกครั้ง!!


Bookmark and Share

ตระกร้าอะไหล่
รวมเป็นเงิน : 0
ยืนยันการสั่งซื้อ
0 List